วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ความบ้าของผู้หญิงต่อกระเป๋า




สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่ กระเป๋าถือไม่ได้เป็นแค่เครื่องประดับตามแฟชั่น แต่เป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต อีกทั้งดูเหมือนว่าการมีกระเป๋าถือ 3-4 ใบไม่เพียงพอสำหรับพวกเธอ
นักวิจัยพบว่า สาวอายุ 30 ปีมีกระเป๋าถือในครอบครองเฉลี่ยถึง 21 ใบ และซื้อใหม่ทุกๆ 3 เดือน หรือเท่ากับ 111 ใบตลอดชีวิต หมดค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นกว่า 8,000 ปอนด์ (552,000 บาท)

ผู้ตอบแบบสอบถาม 5% ยอมรับว่าขณะนี้มีกระเป๋าถืออยู่เกิน 100 ใบ และราคากระเป๋าแต่ละใบเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 76 ปอนด์ (5,244 บาท)
คนดังอย่างเซียนนา มิลเลอร์ และลินด์เซย์ โลฮาน ช่วยกระพือเทรนด์การหิ้วกระเป๋าถือแบรนด์ดีไซเนอร์ราคาแพง และจากการสอบถามนักชอป 1,500 คนยังพบว่า ปกติแล้วผู้หญิงจะมีกระเป๋าที่ถือประจำอยู่ 3 ใบสุดแล้วแต่โอกาส เสื้อผ้า และอารมณ์ในขณะนั้น ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้ในที่ที่หยิบง่ายเพื่อเลือกใช้ในกรณีที่จำเป็น

กระเป๋าถือมากมายเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น สาว 1 ใน 8 บอกว่ามีกระเป๋าอายุเกินครึ่งศตวรรษ และ 1 ใน 3 รู้สึกผิดกับพฤติกรรมบ้าซื้อกระเป๋าถือ
เมื่อถามว่ากระเป๋าแพงที่สุดที่เคยซื้อมามีราคาเท่าใด สาวมั่นในวัย 20 - 29 ปีตอบว่า 185 ปอนด์ (12,765 บาท) ส่วนวัย 30 อัพ แต่ไม่ถึง 40 ปีบอกว่า 380 ปอนด์ (26,220 บาท) โดยยี่ห้อที่นิยมกันมากที่สุดคือ มัลเบอร์รี และโคลเอ้

ต่อคำถามว่าทำไมผู้หญิงถึงต้องมีกระเป๋าถือหลายใบ เกือบ 70% ตอบว่า เพราะไม่รู้ว่าใบไหนจะเหมาะสมกับชุดที่จะใส่ 20% บอกว่าหลงใหลในกระเป๋าถือกระทั่งไม่สามารถโยนใบเก่าทิ้งได้ลงคอเลยสักใบ
แองเจลา ป็อบเลตต์ ผู้ช่วยส่วนตัวในการเลือกซื้อสินค้าของชอปปิ้งเซ็นเตอร์แห่งหนึ่งในเอสเส็กซ์ อังกฤษ ซึ่งเป็นผู้สำรวจความคิดเห็นในประเด็นนี้บอกว่า กระเป๋าถือสามารถเปลี่ยนแปลงลุคของคนถือ และทำให้เสื้อผ้าธรรมดาๆ ดูดีน่าประทับใจในชั่วพริบตา และว่าการสำรวจนี้ตอกย้ำว่า สาวเมืองผู้ดีบ้ากระเป๋าถือ
"แม็กกี้ แทชเชอร์ เป็นคนสร้างเทรนด์กระเป๋าถือ โดยมีคนดังยุคปัจจุบันอย่างเซียนนา มิลเลอร์ และลินด์เซย์ โลฮานมาช่วยสานต่อ ฉันเลยอยากตั้งชื่อกระแสบ้ากระเป๋าถือนี้ว่า เซียนนา มิลเลอร์ซินโดรม"
นักวิจัยยังสอบถามเกี่ยวกับสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋า ซึ่งพบว่านอกจากจะมีของใช้สำคัญอย่างเช่น โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์แต่งหน้า และกุญแจบ้านแล้ว ยังมีพลาสเตอร์ ยาแก้ปวด วิตามิน หรือกระทั่งอุปกรณ์รักษาพยาบาลเบื้องต้นขนาดย่อม ไหมขัดฟัน ถุงน่องสำรอง และยาทากันแมลงรวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้รักกระเป๋าถือสุดใจ แต่ผู้หญิง 53% ยอมรับว่ากระเป๋าถือเคยหาย 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย






ที่มา http://www.manager.co.th/

ภัยที่มาพร้อมกับกระเป๋า

เทคนิคเดินถนนอย่างคนฉลาด

วันไหนที่รู้ ตัวว่าต้องสัญจรด้วยการเดิน
วางแผนเส้นทางก่อน เสมอ
เลือกเส้นทางที่โล่ง มีคนเดินมากๆ ไม่มีพุ่มไม้หนาทึบ
ยอมเดินไกลในถนนใหญ่ ดีกว่าเข้าซอยทางลัดที่ย่นระยะทางแต่เปลี่ยวคน
หัดเปลี่ยนเส้นทาง อย่าใช้เส้นทางเดิมทุกวัน
อย่าถือข้าวของพะรุงพะรัง
ถ้าทำได้ให้รวบของถือด้วย หนึ่งมือ ให้มีอีกมือว่างไว้เสมอ

สามอวัยวะในตัวของคุณที่ต้องทำให้ว่างไว้ รับสถานการณ์
คือ หู ตา และมือ
ถ้าอวัยวะใดไม่ว่าง ทำมันให้ว่างในบัดดล


อย่ายืนรอรถเมล์หรือรถไฟฟ้าแบบตามสบาย
ผู้หญิง ที่ยืนพิงเสา เม้าท์มือถือ เพลินเสียงเพลง คิดถึงแฟน
ท้าวแขน ล้วงกระเป๋า เอาแต่เหม่อ คนร้ายจะชอบมาก
ให้ยืนตัวตรงทิ้งน้ำหนักลงทั้งสองขา สังเกตเหตุการณ์รอบตัวเป็นระยะๆ
มั่นใจว่ากระเป๋าปิดเรียบร้อย รูดซิปปิดทุกช่อง
ความหละหลวมไม่ใส่ใจของ ผู้หญิงมักสะดุดตาโจร
ฝึกนิสัยจับกระเป๋าสะพายให้กระชับตัวเสมอ
หันด้านปากกระเป๋าเข้าตัว อย่าเดินแกว่งกระเป๋าตามสบาย

ถ้ามีรถยนต์แล่น ปราดเข้ามาจอดตรงหน้า
ถอยออกมาให้ห่างทันที ถ้าเขาจอดเพื่อถามทาง
อย่าเข้าไปบอกจนชิดประตูรถ จนเขาดึงขึ้นรถไปง่ายๆ
ทิ้งระยะให้ไกล แต่บอกด้วยเสียงดังขึ้นจะดีกว่า

สอดส่ายสายตาหา “ เซฟเฮ้าส์ ” ระหว่างทางไว้เสมอ
ที่ซึ่งคุณจะสามารถผลุบเข้า ไปซ่อนได้ถ้าเกิดเหตุร้าย
เช่น ร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ ร้านปากซอย
เซฟเฮ้าส์เหล่านี้มีประโยชน์ มากในหลายสถานการณ์


เช่น ถ้าคุณสงสัยว่าถูกสะกดรอย แทนที่จะเดินไปเรื่อยๆ
ด้วยความหวาดกลัว คุณสามารถเลี้ยวผลุบเข้าไป ยังเซฟเฮ้าส์เหล่านี้
แล้วแอบสังเกตการณ์ว่า คนที่เดินตามคุณผ่านหน้าร้านไปหรือเปล่า
คุณอาจรีบออกมาแล้ววิ่งสวนกลับไปยังทิศตรงกันข้าม


หมั่นฝึกซ้อมความ คิดไว้ตลอดเวลา
สมมุติว่าถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้น คุณจะแก้ไขอย่างไร
การฝึกซ้อมความคิดจะทำให้ คุณรู้ว่า คุณ ต้องการอะไร
ใน ยามคับขัน และ สามารถตระเตรียมรับมือมันได้อย่างรอบคอบ
อย่าให้มันเลือกคุณเป็นเหยื่อ


การวางตัวสร้าง “ ระยะห่าง ” อาจช่วยผลักคนร้ายออกไปจากชีวิตคุณได้
“ อวัจนภาษา ” คือการใช้ภาษาร่างกายสื่อสาร
จงใช้มัน “ ขู่ ” คนร้ายไว้เสมอ เริ่มตั้งแต่มันยังไม่ประชิดตัวคุณ



เทคนิคการ “ ขู่ ” คนร้ายไม่ให้เลือกคุณเป็นเหยื่อ


1) คุณรู้สึกว่าผู้ชายคนหนึ่งมองคุณอยู่
แทนที่จะบอกมันว่าคุณเป็นเหยื่อด้วยการหลบตาเมินไปทางอื่น
อย่าทำอย่างนั้น มองตรงไปที่มัน ไม่ต้องถึงกับจ้องเขม็งอย่างประสงค์ร้าย
แต่อย่าหลบตา อย่าทำเป็นไม่เห็น มองหน้ามันไว้
จง “ ขู่ ” มันด้วยสายตาว่า
“ ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไร อย่าเข้ามาเชียว ”


2) ถ้ามันเดินเข้ามาใกล้ตัวคุณ
อย่ารอให้มัน ถึงตัว ถอยหลังทันทีแล้วปรามมันด้วยคำพูดว่า “ ขอโทษค่ะ ”
ผู้ชายที่ดี จะถอยหลังจากคุณและขอโทษ
แต่ผู้ชายสวะอาจยังหน้าด้าน ถ้ามันยังล่วงล้ำเข้ามาถึงตัว
เช่น ทำท่าจะฉวยมือคุณ จง “ เข้ม ” ใส่มันด้วยการพูดออกมาดังๆ ว่า
“ ขอโทษค่ะ คุณจะทำอะไรคะ ”



3) ถ้าเจ้าสวะ “ แบล็คเมล์ ” คุณกลางสาธารณชน
ด้วยการโพล่งว่า “ ยายนี่ประสาทหรือเปล่! า ”
หรือ “ อะไรกันวะ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย โวยวายไปได้ ”
จงอย่าตกหลุ ม พรางของความอายที่มันขุดล่อ
จง “ เตือน ” มันด้วยการถอยหลัง ยกมือขึ้นกั้นไว้ แล้วสั่งว่า
“ หยุด! อย่ามาใกล้ฉัน ” หรือ “ ไป ให้พ้น ”

ประเด็นสำคัญ! อย่ากลัวที่จะดูเป็น “ ยายประสาท ”
ในสายตาของคนเดินถนนที่ผ่านมา


เชื่อเถอะว่า เจ้าสวะจำนวนมาก อาจถึงครึ่งต่อครึ่ง
จะเลือกเลิกล้มแผนชั่วเมื่อ เจอยายประสาทที่ฉลาดกว่ามัน





ร้องบอกโลกด้วยนกหวีด
ผู้ชายที่ ประทุษร้ายผู้หญิงจนต้องรับกรรมในห้องขังคนหนึ่ง
สารภาพว่า เขาจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงที่ถือร่ม นกหวีด
หรืออะไรก็ตามที่สามารถใช้ เป็นอาวุธในการต่อสู้ได้
ดังนั้น ถ้าคุณต้องเดินคนเดียวในที่เปลี่ยว อย่าเดินมือเปล่า
ถืออะไรบางอย่างติดมือไว้ ถ้ามีร่ม จับไว้ให้มั่น
มีนกหวีด ห้อยคอไว้พร้อมเป่าเสมอ
นกหวีดช่วยชีวิตคนมามากแล้วในหลาย สถานการณ์
เช่น เมื่อหลงทางหรือติดอยู่ในสถานที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ
แม้แต่โรสยังรอดตายจากเรือ ไตตานิคล่ม
เพราะนกหวีดบอกให้คนอื่นรู้ ว่าเธอยังมีชีวิต


ดังนั้น หยิบสร้อยนกหวีดขึ้นมาคล้องคอไว้แทนทุกครั้ง
เมื่อคุณออกจากที่ทำงาน ลงจากรถเมล์ ไปช้อปปิ้ง เดินทาง
หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ
เมื่อเกิดเหตุไม่น่าไว้ใจ เป่านกหวีดไว้ก่อน
เสียง นกหวีดจะทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้ว่าคุณกำลังตกอยู่อันตราย
เสียงนกหวีดจะทำให้ยามหรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจสนใจ
ถ้าต้องวิ่งหนี วิ่งไปพร้อมกับเป่านกหวีดไปด้วย
เพื่อเรียกร้องความ สนใจให้มากที่สุด


ที่มา : FW Mail

กระเป๋าสำคัญกับผู้หญิง



(แนะนำให้อ่านจนจบ จะช่วยได้มาก)


กระเป๋าของฉัน ชีวิตของฉัน


นักธุรกิจสาวรายหนึ่งเล่าเรื่องที่เกิดกับเธอไว้เป็นอุทาหรณ์
เรื่องร้ายเกิดขึ้นเมื่อ...


เธอกับลูกสาวมาร่วมงานแต่งงานของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง
งานเลิกราวสามทุ่มเศษ เธอพาลูก สาวกลับมายังรถที่จอดไว้ข้างถนนใกล้โรงแรม
ขณะที่เดินอยู่ เธอก็ถูกวัยรุ่นชายสองคน สวมหมวกบังหน้า ไม่สวมหมวกกันน็อค
ขี่รถจักรยานยนต์ปรี่เข้ามา แล้วกระชากกระเป๋ากุชชี่ที่เธอถืออยู่


ด้วยความเสียดายกระเป๋าแบรนด์เนม
เธอลงทุนยื้อยึดกับคนร้ายเพื่อปกป้องกระเป๋า สุดหวง
แรงกระชากทำให้นัก ธุรกิจสาวถึงกับเสียหลักล้มลง
ร่างกายครูดไปตามพื้นถนนจนถลอกปอกเปิก
แต่เธอก็ยังไม่ยอมปล่อยกระเป๋า


จนเมื่อลูกสาวร้องไห้จ้าด้วยความตกใจ
เธอตัดสินใจปล่อยมือ ปล่อยคนร้ายให้ได้กระเป๋าไปอย่างลอยนวล
เพราะนึกถึงความปลอดภัยของสิ่งที่เธอรัก มากกว่า นั่นคือลูกสาว
แม้ว่า จะเสียดายทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไป แต่เงินสด โทรศัพท์มือถือ
แว่นตาแบรนด์เนม และกระเป๋าใบนั้น คงไม่มีความหมาย
ถ้าคนร้าย โมโหและใช้มีดหรือปืนทำร้ายเธอและลูกสาวสุดที่รัก


อย่าพกอะไรที่ต้องเสียใจเมื่อมันถูกฉก
เทกระเป๋าของคุณออกมา
ตรวจสอบว่ามีอะไรที่คุณจะต้องเสียใจไปอีกนาน
ถ้ามันหายไปพร้อมกระเป๋า หยิบมันออกมา
แล้วเก็บไว้ใน ที่ปลอดภัยเสียเดี๋ยวนี้
กระเป๋า ไม่ใช่ตู้นิรภัย
สิ่งที่ควรมีคือ “ ของไม่มีค่า ” แต่ “ จำเป็น ” ต่อชีวิตประจำวันของคุณ
อย่าใส่ของมีค่า ที่คุณต้องร้องไห้ด้วยความเสียดายไว้ในกระเป๋าเป็นอันขาด
วิธ ดีที่สุดที่จะทำให้คุณร้องไห้น้อยที่สุดเมื่อเสียมันไป
คือการทำให้มัน “ น่าเสียดาย ” น้อยที่สุด


1) อย่าเลือกใช้กระเป๋า กระเป๋าแบรนด์เนม

หากถูกกรีด หรือกระชาก จะสร้างความเจ็บใจ
ให้คุณมากขึ้นและยอมสู้จนได้รับบาดเจ็บเพื่อมัน
เลือกใช้กระเป๋าที่ถ้าจำเป็นจริงๆ
คุณจะสามารถตัดใจทิ้งมันได้เพื่อรักษาชีวิต


2) ฝึกนิสัยพกเงินสดแค่จำนวนที่จะใช้ในแต่ละวันเท่านั้น
พกบัตรเงินสดหรือบัตรเครดิตให้น้อยใบที่สุด


3) ถ้ามีบัตรเอทีเอ็มมากกว่าหนึ่งใบ ควรพกไว้แค่ใบเดียว
เป็นใบที่มีเงินในบัญชีเล็กน้อย ส่วนใบอื่นที่มีเงินในบัญชีมากกว่า
ควรเก็บไว้ที่อื่นที่ปลอดภัย เช่น ในบ้าน ในกรณีที่บัตรใบแรกหาย
บัตรสำรองจะ ลดความกังวลไปได้มาก



4) บัตรสำคัญต่างๆ ในกระเป๋าให้นำมาเรียงกันบนกระดาษ A4
แล้วถ่ายเอกสารเก็บไว้รวมกัน เมื่อกระเป๋าสตางค์หาย
คุณจะรู้ว่า มีเอกสารสำคัญหายไปบ้าง


5) จดเบอร์สำหรับอายัดบัตรสำคัญต่างๆ
เก็บไว้ที่ที่ทำงาน ที่บ้าน หรือในรถ
หรือเมมโมรี่ ไว้ในโทรศัพท์มือถือ พร้อมอายัดได้เสมอ


6) ถ้าคุณขับรถ ควรติดกระเป๋าช้อปปิ้งไว้ในรถหนึ่งใบ
เมื่อจะลงไปซื้อของ หยิบเฉพาะเงินสดที่จะใช้
บัตรเครดิต หนึ่งใบใส่กระเป๋าช้อปปิ้ง แค่นั้นพอ


7) อย่าใส่กุญแจบ้านหรือรถไว้ในกระเป๋าสะพาย
คล้องกุญแจไว้ที่กระเป๋ากางเกงหรือเข็มขัดเสมอ

การดูแล ถนอมกระเป๋า





  1. สาวๆควรเก็บกระเป๋าไว้ในถุงผ้าสำหรับเก็บกระเป๋าโดยเฉพาะนะคะ เพราะถุงแบบนั้นจะมีข้อดีคือ ลมสามารถผ่านได้พอประมาณ กันฝุ่นได้ดีค่ะ (ถ้าเราเสียตังค์ซื้อกระเป๋าจากร้านเครื่องหนังโดยเฉพาะ หรือร้านแบรนด์เนมทั้งหลาย ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะเค้าจัดให้อยู่แล้น)
  2. อย่า…เก็บกระเป๋าไว้ในถุงพลาสติกนะเคอะ โดยเฉพาะกระเป๋าหนัง เพราะมันอับ + อากาศร้อนในบ้านเรา เสียหายค่ะ เพราะกระเป๋าหนังจะกรอบเกลียว เคี้ยวเป็นแคบหมูได้เยย
  3. สิ่งที่ควรระวังคือ ถ้าวางกระเป๋าไว้ในตู้เสื้อผ้า โดยไม่ใส่ถุง อากาศที่อับและร้อนในตู้มันจะสามารถหลอมละลายสีเคลือบตู้ให้มาคิดบนหนังกระเป๋า โดยเฉพาะหนังแก้วได้ทันที เพราะฉะนั้นสาวๆคนไหนยังไม่อยากเพนท์สี (จากตู้เสื้อผ้า) ลงบนกระเป๋าหนังแก้วใบสวย แอนด์แพงของเรา โปรดเก็บใส่ถุงผ้าด่วนค่ะ
  4. ควรนำกระเป๋ามารับออกซิเจนกันบ้าง (ฟังดูเวอร์อลังการมั้ยคะ?!) ไม่ได้อลังการยุ่งยากเลยค่ะ แค่เอากระเป๋าออกมาจากถุงผ้าให้อากาศสัมผัสหนังบ้าง โดยตั้งไว้ในห้องที่มีอากาศถ่ายเท สิ่งสำคัญคือวางในร่มนะคะ ไม่ต้องตากแดด
  5. ข้อดีของการนำกระเป๋าออกมาจากถุงผ้าบ้าง คือ สาวๆเคยสังเกตเห็นขนกันบ้างมั้ยคะ เหอๆๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด..ขนจากถุงผ้าหน่ะค่ะ จะติดตามขอบ หรือสายกระเป๋า (โดยเฉพาะถุงผ้าจากยี่ห้อยอดฮิตของสาวๆนั่นแหล่ะค่ะ ผ้าด้านในถุงจะเป็นขน) และ ยิ่งถ้าเราเก็บกระเป๋าในตู้เสื้อผ้า อากาศร้อนอบ มันเหมือนกาวที่ติดสายหนังของกระเป๋าพ่วงเอาขนในถุงผ้ามาติดด้วย เวลาหยิบมาสะพายที เดินขอบเป็นขนกันเลย - -” (ใช้คำพูดได้น่ากลัวมั่กๆ แต่ชอบ 5555)
  6. กระเป๋าของคุณผู้หญิง ก็เหมือนรถใหม่ของคุณผู้ชายล่ะค่ะ รถใหม่ๆ ถ้าได้เคลือบสีก็จะดี ถ้าต่อไปเราพลั้งเผลอไปทำรอยขูดขีดก็จะไม่หนักหนาถึงตัวรถ กระเป๋าก็เหมือนกันค่ะ ถ้าซื้อมาใหม่ๆ ใช้สเปรย์หรือครีมรักษาหนังป้ายทารักษาไว้ก่อนใช้งาน จะช่วยให้กระเป๋าหนังเรามีคุณภาพแจ่มแจ๋วทนทานต่อริ้วร่อยยิ่งขึ้นค่ะ
  7. การรักษารูปทรงเป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญค่ะ การยัดไส้กระเป๋าด้วยกระดาษช่วยรักษารูปทรงได้มากเลยทีเดียวค่ะ เพราะไม่ว่าเราจะเก็บไว้ในลักษณะนอน หรือตั้ง ก็ทำได้สบาย ไม่เป็นปัญหาต่อรูปทรงค่ะ

ดูแลกระเป๋าอย่างไรให้ใช้ทนทานอยุ่นาน


ดูแลกระเป๋าอย่างไรให้ใช้ทน ?



โสภาวดี เพชรชาติ Brand Manager Mulberry บอก วิธีดูแลกระเป๋าหนังใบสวยให้มีอายุการใช้งานให้ยาวนาน คุ้มค่า คุ้มราคา ไว้ว่า สำหรับคุณสาวหลายคนที่ซื้อกระเป๋าเก็บไว้เป็นจำนวนมาก หากไม่มีตู้ที่เก็บกระเป๋าแยกเป็นสัดส่วน ฉะนั้น กระเป๋าที่มีอยู่หลายๆ ใบก็มีโอกาสแออัดยัดเยียดเบียดกันอยู่ในตู้ ซึ่งส่งผลให้กระเป๋าเสียรูปทรงได้ง่าย

ที่สำคัญอากาศในประเทศไทยมีทั้งความชื้น และอุณหภูมิที่สามารถทำให้คุณภาพหนังและวัสดุต่างๆ ของกระเป๋าเกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นสีหนังที่อาจจะเพี้ยนไปจากเดิม หรือมีการเยิ้มไหลของสีในบางจุดของกระเป๋า

สำหรับ การดูแลกระเป๋าหนัง แนะนำให้เอากระดาษหนังสือพิมพ์ หรือกระดาษอะไรก็ได้ยัดไว้ในกระเป๋าเพื่อให้กระเป๋าคงรูปทรงเดิม และควรเก็บกระเป๋าหนังใส่ถุงผ้าอีกชั้นหนึ่งด้วย และควรนำกระเป๋าออกมาผึ่งลมเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อตรวจสภาพกระเป๋าว่ายังคงสภาพสมบูรณ์หรือเปล่า

ส่วน การเช็ดทำความสะอาด ทำได้ง่ายๆ เพียงใช้ผ้าแห้งปัดฝุ่นออกก็พอแล้ว หรือหนังบางประเภทก็ต้องหลีกเลี่ยงการโดนน้ำ เพราะจะทำให้เกิดรอยด่างได้ หรือกระเป๋าหนังบางประเภทต้องใช้หนังแกะในการเช็ดทำความสะอาด เพื่อให้น้ำมันธรรมชาติจากหนังแกะทำความสะอาดหนังกระเป๋า เช่นนั้นต้องศึกษาคุณลักษณะพิเศษของกระเป๋าตามแต่ชนิดของหนังเพื่อการดูแล ที่ถูกต้อง

ที่มา … manager.co.th


ประวัติความเป็นมา ของกระเป๋า




เมื่อประมาณ 152 ปีที่แล้ว หลุยส์ วิตตอง ช่างทำหีบฝีมือเยี่ยม

ได้ก่อตั้งธุรกิจของตัวเองขึ้น เขามองไกลไปถึงความสำคัญ

ของการเดินทางในโลกสมัยใหม่ จึงได้ออกแบบ

และผลิตหีบสัมภาระรวมทั้งเครื่องใช้ในการเดินทางอื่นๆขึ้นมา

ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับแนวทางใหม่นี้ จากนั้นทายาทของเขา

ซึ่งได้รับทักษะมาอย่างเต็มที่ก็ได้แสดงความสามารถอย่างชัดเจน

ด้วยการสร้างอาณาจักรของวิตตองให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

จากช่วงกลางศตวรรษที่สิบเก้า จนล่วงเข้าสู่สหัสวรรษที่สาม

ขณะเดียวกันสินค้าหลุยส์ วิตตอง ก็สามารถ ชนะใจบรรดา

ลูกค้าระดับสูงอย่างกว้างขวาง ณ วันนี้ การผจญภัยดังกล่าว

ได้ก้าวมาสู่ในระดับสากลและทางบริษัทกำลังเสาะแสวงหาแนวทางใหม่ๆ

ให้เกิดขึ้นในวงการแฟชั่น หลุยส์ วิตตอง ได้กลายเป็นปรากฎการณ์

ทางสังคมอย่างหนึ่ง โอ้!! ลืมบอกไปว่าหลุยส์ วิตตอง เนี่ยนะค่ะมีมาตั้งแต่

ปี 1854 ตอนนี้ก็ 2010แล้วนะค่ะ เดี๋ยวนี้หลุยส์ วิตตอง ก็ไม่ได้มีแค่หีบสัมภาระ

เหมือนในอดีตแล้ว ปัจจุบันเราจะพบ เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ นาฟิกา

และในอนาคตหลุยส์ วิตตอง อาจมีสินค้าอื่นๆให้พวกเราได้เลือกใช้อีกมากมาย